แนะนำตัว

นางสาว ชลิตา คำลอย
กลุ่มเรียนวันพุธ (เช้า)

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2559

ทฤษฎีโดมิโน (Domino Theory) ของการเกิดอุบัติเหตุ สามารถเชื่อมโยงได้กับปรัชญาความปลอดภัยของ H.W. Heinrich เกี่ยวกับสาเหตุของอุบัติเหตุได้
ทฤษฎีโดมิโนกล่าวว่า การบาดเจ็บและความเสียหายต่างๆ เป็นผลที่สืบเนื่องโดยตรงมาจากอุบัติเหตุ และอุบัติเหตุเป็นผลมาจากการกระทำที่ไม่ปลอดภัย หรือสภาพการที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งเปรียบเทียบได้เหมือนตัวโดมิโนที่เรียงกันอยู่ 5 ตัวใกล้กัน เมื่อตัวที่หนึ่งล้มย่อมมีผลทำให้ตัวโดมิโนไปล้มตามกันไปด้วย ตัวโดมิโนทั้วห้าตัว ได้แก่
1. สภาพแวดล้อมหรือภูมิหลังของบุคคล (Social Environment or Background)
2. ความบกพร่องผิดปกติของบุคคล (Defects of Person)
3. การกระทำหรือสภาพการณ์ที่ไม่ปลอดภัย (Unsafe Acts/Unsafe Conditions)
4. อุบัติเหตุ (Accident)
5. การบาดเจ็บหรือความเสียหาย (Injury/Damage)

ทฤษฎีโดมิโนของอุบัติเหตุ


ภาพแสดงลักษณะการเกิดอุบัติเหตุตามหลักทฤษฎีโดมิโน
นั่นคือสภาพแวดล้อมของสังคมหรือภูมิหลังของคนใดคนหนึ่ง (สภาพครอบครัวฐานะความเป็นอยู่ การศึกษาอบรม) ก่อให้เกิดความบกพร่องของคนนั้น (ทัศนคติความปลอดภัยไม่ถูกต้อง ชอบเสี่ยง มักง่าย) ก่อให้เกิดการกระทำที่ไม่ปลอดภัยหรือสภาพการณ์ที่ไม่ปลอดภัยก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ก่อให้เกิดการบาดเจ็บและความเสียหาย ทฤษฎีโดมิโนนี้ มีผู้เรียกชื่อใหม่ว่า“ลูกโซ่ของอุบัติเหตุ (Accident Chain)
การป้องกันอุบัติเหตุตามตามทฤษฎีโดมิโนหรือลูกโซ่ของอุบัติเหตุ เมื่อโดมิโนตัวที่ 1 ล้ม ตัวถัดไปก็ล้มตาม ดังนั้นหากไม่ให้โดมิโนตัวที่ 4 ล้ม (ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ) ก็ต้องเอาโดมิโนตัวที่ 3ออก (กำจัดการกระทำหรือสภาพการณ์ที่ไม่ปลอดภัย) การบาดเจ็บหรือความเสียหายก็จะไม่เกิดขึ้น
การป้องกันอุบัติเหตุตามทฤษฎีโดมิโนหรือโซ่อุบัติเหตุ ก็คือ การตัดลูกโซ่อุบัติเหตุ โดยกำจัดการกระทำหรือสภาพการณ์ที่ไม่ปลอดภัยด้วยวิธีต่างๆ อุบัติเหตุก็จะไม่เกิดขึ้นการที่จะแก้ไขป้องกันที่โดมิโนตัวที่ 1 (สภาพแวดล้อมของสังคมหรือภูมิหลังของบุคคล) หรือตัวที่2 (ความบกพร่องผิดปกติของบุคคล) เป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยากกว่า เพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและปลูกฝังเป็นคุณสมบัติส่วนบุคคลแล้ว
ทฤษฎีปัจจัยเดียว (Single Factor Theory)
ทฤษฎีปัจจัยเดียวนั้น สันนิษฐานว่า มีเพียงสาเหตุเดียวเท่านั้นที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุเมื่อค้นพบว่าอะไรเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุก็ดำเนินการแก้ไขสาเหตุนั้น ซึ่งจะมีข้อจำกัดในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
ทฤษฎีหลายสาเหตุหลายปัจจัย (Multiple Factor Theories)
ทฤษฎีหลายหลายปัจจัย เป็นทฤษฎีที่กล่าวว่า” สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ เกิดจากปัจจัยหลายปัจจัยร่วมกัน”โดยสาเหตุขณะนั้น (Immediate causes) อาจเป็นการกระทำที่ไม่ปลอดภัยของพนักงาน หรือสภาพการณ์ที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งทฤษฎีหลายสาเหตุหลายปัจจัยนั้น จะมีหลายปัจจัยที่เป็นส่วนสนับสนุนให้เกิดอุบัติเหตุ โดย V.L. Gross ได้สร้างรูปแบบของทฤษฎีหลาย สาเหตุหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุโดย ปัจจัย 4M คือ
1. Man คือ คนซึ่งมีปัจจัยร่วมได้แก่ เพศ อายุ ความสูง ทักษะการทำงาน ประวัติการฝึกอบรม แรงจูงใจ เป็นต้น
2. Media คือ สภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สภาพอากาศ อุณหภูมิ แสง สว่าง เสียง เป็นต้น
3. Management คือ รูปแบบในการบริหารจัดการ การจัดองค์กร นโยบาย ระเบียบ ปฏิบัติ     เป็นต้น
4. Machine คือ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร ได้แก่ ขนาดของเครื่อง รูปร่างของเครื่องจักร น้ำหนัก แหล่งพลังงาน เป็นต้น
ซึ่งทฤษฎีหลายสาเหตุหลายปัจจัย จะมีประโยชน์ในการป้องกันอุบัติเหตุ โดยจะทำให้เราระบุถึงปัจจัย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการปฏิบัติงาน เพื่อนำมาวิเคราะห์ถึงสาเหตุของอุบัติเหตุหรือ ผลของการเกิดอุบัติเหตุได้
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทุกครั้ง มิใช่เกิดจากโชคชะตาหรือเคราะห์กรรมที่เหนือการควบคุม แต่เกิดจากสาเหตุที่แก้ไขและป้องกันได้ สาเหตุของอุบัติเหตุที่สำคัญ ได้แก่ การกระทำที่ไม่ปลอดภัย (Unsafe Acts) และสภาพการณ์ที่ไม่ปลอดภัย (Unsafe Condition)
การป้องกันอุบัติเหตุอย่างมีประสิทธิภาพ ทำได้โดยการกำจัดการกระทำ หรือสภาพการณ์ที่ไม่ปลอดภัยให้เหลือน้อยที่สุดหรือหมดไป สภาพการทำงานที่ปลอดภัยก็จะเกิดขึ้นในที่สุด
ทฤษฎีโดมิโน (Domino Theory)
          เหตุการณ์ความวุ่นวายอันเกิดจากการที่ประชาชนในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออกหลายประเทศ ได้แก่ โปแลนด์ ฮังการี เชโกสโลวะเกีย โรมาเนีย และล่าสุดคือ บัลแกเรีย รวมไปถึงประเทศสำคัญประเทศหนึ่ง คือ เยอรมนีตะวันออกได้รวมตัวกันเรียกร้องเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองแบบสังคมนิยม ซึ่งเป็นระบอบการปกครองที่ใช้ปกครองประเทศเหล่านั้นมาเป็นระยะเวลายาวนานให้เป็นระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย จนเกิดเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นนองเลือดและสังหารผู้นำรัฐบาลในบางประเทศ  เหตุการณ์ทางการเมืองเหล่านี้จะสามารถจัดเข้าเป็นทฤษฎีโดมิโน (Domino Theory) หรือไม่ คำตอบอยู่ในข้อเขียนของ ศ. ดร.ลิขิต ธีรเวคิน สำนักธรรมศาสตร์และการเมืองราชบัณฑิตยสถาน ดังนี้
          ความหมายของทฤษฎีโดมิโน คือ ทฤษฎีที่ยกอุทาหรณ์จากเกมไพ่ต่อแต้ม ซึ่งถ้ามีไพ่ล้มหนึ่งใบ ไพ่ใบอื่น ๆ จะล้มเป็นแถบติดต่อเป็นลูกโซ่ เกิดจากความเชื่อถือที่ว่า เมื่อประเทศใดตกอยู่ภายใต้ระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์จะทำให้ประเทศอื่น ๆ กลายเป็นคอมมิวนิสต์ไปด้วย  นายจอห์น ฟอสเตอร์ ดัลเลส (John Foster Dulles) อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีทฤษฎีต่อต้านทฤษฎีโดมิโน คือ ทฤษฎีการสกัดกั้น (Containment Policy)
          ทฤษฏีโดมิโนใช้กับกรณีการขยายตัวของลัทธิและระบอบคอมมิวนิสต์ในทวีปเอเชีย เมื่อจีน เกาหลีเหนือ และเวียดนามเหนือ ตกเป็นคอมมิวนิสต์ เชื่อว่าประเทศอื่น ๆ เช่น ลาว เขมร ไทย มาเลเซีย ฯลฯ จะถูกครอบโดยระบบคอมมิวนิสต์ในที่สุด
          ในกรณีกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออกนั้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นทฤษฎีโดมิโนแบบกลับตาลปัตร คือ แทนที่จะเป็นการล้มของระบอบประชาธิปไตยกลับเป็นการคลายตัวและแปรเปลี่ยนจากระบอบการปกครองแบบพรรคเดียว คือ คอมมิวนิสต์ และระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมมาสู่การปกครองแบบหลายพรรค เช่นที่โปแลนด์ หรือการสลายตัวของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ฮังการี การต่อสู้เพื่อเสรีภาพที่โรมาเนีย รวมทั้งการมีท่าทีที่จะใช้ระบบหลายพรรคในสหภาพโซเวียต ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวคงจะดำเนินไปโดยไม่มีหยุดยั้ง
          อย่างไรก็ตาม ผู้ที่วิเคราะห์ว่าระบบคอมมิวนิสต์ในจีน ในสหภาพโซเวียตและในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันตกออกจะแปรเปลี่ยนเป็นทุนนิยมและประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ คงต้องเปิดช่องสำหรับข้อเท็จจริงที่ว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่น่าจะเป็นไปอย่างสมบูรณ์ ที่หวังได้คือ การมีระบบผสมผสาน แต่ระบบเดิมคงเหลืออยู่เป็นฐาน ทฤษฎีโดมิโนเมื่อใช้ในกรณีกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออกน่าจะถูกเพียงครึ่งเดียว ซึ่งก็เป็นกรณีเดียวกับที่ใช้กับกลุ่มประเทศแถบเอเชีย.
ที่มา : จดหมายข่าวราชบัณฑิตยสถาน  ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๓๒
เคล็ดลับสู่ควเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ 19 ประการ

   มนุษย์ต้องการความประสบความสำเร็จ ตามความฝันนี่เรา ๆ ท่าน ๆ ที่พยายามก้าวเดินไปตามถนนแห่งความฝันที่ตั้งใจไว้ ไม่ว่าความฝันนั้นจะดูยิ่งใหญ่น่าตกใจหรือตั้งไว้เล็กมาก จนแทบไม่น่าเชื่อ แต่ในที่สุดก็สรุปได้ว่าฝันของเขาก็แค่อยากให้ชีวิตมีความสุขกับรูปแบบชีวิตที่เรียบง่าย

เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ 19 ประการมีดังนี้
1.สุขภาพดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
ผู้มีสุขภาพดีย่อมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหากร่างกายมีสุขภาพไม่ดีร่างกายมีปัญหา ก็ควรใส่ใจต่อสุขภาพ
การดูแลสุขภาพโดยการไม่ทำลายสุขภาพของตนเองโดยการดื่มเหล้าเป็นอาจิณติดบุหรี่งอมแงม
จงดูแลสุขภาพโดยการหาอากาศดี ๆ หายใจ ห่างไกลจากควันไฟ ควันบุหรี่ ฝุ่น
จงกินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน แล้วเลือกอาหารดี ๆต่อสุขภาพมารับประทาน และจงกินแต่พอดี ๆ
ออกกำลังกายวันละเล็กละน้อย สม่ำเสมอ เป็นยาอายุวัฒนะหาวิธีการเดินบ้าง แทนการใช้รถ การขึ้นบันไดแทนการขึ้นลิฟท์
นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
หาหนังสือมาอ่าน หรือกินนมอุ่น ๆ ก่อนนอน จำให้หลับสบายเพื่อหลีกเลี่ยงการกินยานอนหลับ
ทำงานด้วยใจรัก และเป็นสุข ในขณะทำงานจะเหมือนเป็นการพักผ่อนหย่อนใจไปด้วย
แบ่งเวลามาทำงานอดิเรกบ้าง ทำในสิ่งที่ชอบและมีความสุขขณะทำ
พบเพื่อนฝูงที่ถูกใจ สนุกสนานเป็นกันเองในขณะคุยต่อชีวิตเพื่อเป็นแนวทางสร้างสุข
ศึกษาธรรมมะและปรัชญาอะไรก็ได้ ที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตเพื่อเป็นแนวทางสร้างสุข
ทำใจให้มีจิตใจเบิกบาน สร้างความกลมกลืนวิถีชีวิต ไม่ตึงเครียดเหมือนเครื่องจักรที่ได้รับการหล่อลื่นอย่างดี

2.พูดแบบไหนถูกใจคน
 ใช้หนังสือเป็นคู่มือ ใช้พจนานุกรมเพื่อให้รู้ความหมาย แล้วใช้ภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง
พกสมุดโน๊ตติดตัว พบคำใหม่ หรือสำนวนใหม่ที่พบแล้วหาเวลาว่าง ๆ มาอ่าน แล้วนำไปใช้ในการสนทนา
จัดเรียงรูปประโยคที่พูดออกมาให้สละสลวย

3.เพิ่มพลังให้การรวบรวมความคิด
การรวบรวมกำลังความคิด จะทำให้อยู่เหนือสถานการณ์สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้โดยง่าย หากกำลังนั่งใจลอย ก็เรียกสติกลับมาห้ามเบื่อหน่ายในสิ่งที่กำลังทำ เวลาทำงานก็มีหยุดพักกลางวันบ้างเพื่อไม่ให้เกิดความล้า

จงกระตุ้นตนเองโดยให้มองถึงจุดหมายในชีวิตจะได้มีพลังห้ามอ้างว่าไม่มีเวลาผลัดกันประกันพรุ่งห้ามคิดว่าผมทำไม่ได้ จงกำหนดเวลาแล้วเสร็จ ไม่ปล่อยไปอย่างเอ้อระเหย ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่คุณไม่พอใจหรือมีผลต่อชีวิตเพียงใด ก็จะไม่ท้อถอยหรือยอมแพ้ จงเชื่อว่าทุกอย่างแก้ไขได้

4. พัฒนาความจำของตนเอง
จงจำให้ได้ เพื่อให้หลุดพ้นต่อความตื่นเต้น ความกระวนกระวายจนขาดความมั่นใจในตัวเอง จงอย่าให้สมองจำสิ่งที่ไม่ควรจำ จนเป็นความจำที่เลวร้ายจงพยายามจดจำแค่เรื่องที่ดี ๆ มองโลกในแง่ดี สามารถมีความสุขกันทุกวันที่ผ่านมา
จงเลิกพูดถึงความทรงจำที่เลวร้าย จงหาทางล้างความทรงจำเก่า ๆที่ไม่มีประโยชน์กับตัวเอง เพื่อให้เหลือที่ว่างไว้ใส่ความทรงจำดี ๆ ใหม่ ๆที่ได้เจออาจทำโดยทบทวนสิ่งต่าง ๆที่เกิดขึ้น และนำมาจดจำเป็นพิเศษก่อนจะนอน และหลังตื่นนอนทุกวัน

จงไว้วางใจกับสมองของตนเองว่า สามารถจำได้
จงสนใจที่จะจำชื่อคน หรือทบทวนความจำโดยการพูดดัง ให้ตัวเองได้ยิน ทำบ่อย ๆ ก็จะจำได้สรุปทั้งหมดดีกว่ามองแบบผ่าน ๆ
จงเชื่อมโยงความรู้ใหม่ ๆ ให้ประสานต่อเนื่องกับความรู้เดิมที่มีอยู่ด้วย

5.อารมณ์ที่ดีขึ้น
จงปัดกวาดทำความสะอาดอารมณ์ หากมองโลกในแง่ร้ายทุกอย่างก็เป็นศัตรูหมดเวลาที่ใจท้อแท้ เสียงพูดหน้าตาก็ดูสิ้นหวัง จงหยุดมองโลกในแง่ร้ายหยุดด่าทอตัวเอง จงขับไล่อารมณ์ที่สิ้นหวังออกไป อย่าให้ความรู้สึกในแง่ร้ายเกิดจากความโลภขณะที่ปีนขึ้นยอดผาจงหยุดมองทัศนียภาพรอบข้างเป็นระยะ ๆ ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาเดินไป พอถึงยอดผาก็จะมีคนรอบข้างเข้ามาห้อมล้อมท่ามกลางความโล่งอก

จงมองมิตรภาพให้เพื่อน ๆ รอบตัวโดยที่ไม่จำเป็นต้องไปซื้อหาด้วยเงินทอง จงมอบรอยยิ้มและคำทักทายมอบให้กับคนกวาดถนน บุรุษไปรณีย์ คนทำความสะอาดที่ทำงาน คนเก็บขยะ เพราะวันหนึ่งเราอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากเขาก็ได้
กระจกที่ขุ่นมัวจากคราบสกปรก คงสดใสไม่ได้หากไม่ได้รับการทำความสะอาด จิตใจก็เช่นกันามสำเร็จ 19 ประการ

   มนุษย์ต้องการความประสบความสำเร็จ ตามความฝันนี่เรา ๆ ท่าน ๆ ที่พยายามก้าวเดินไปตามถนนแห่งความฝันที่ตั้งใจไว้ ไม่ว่าความฝันนั้นจะดูยิ่งใหญ่น่าตกใจหรือตั้งไว้เล็กมาก จนแทบไม่น่าเชื่อ แต่ในที่สุดก็สรุปได้ว่าฝันของเขาก็แค่อยากให้ชีวิตมีความสุขกับรูปแบบชีวิตที่เรียบง่าย

เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ 19 ประการมีดังนี้
1.สุขภาพดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
ผู้มีสุขภาพดีย่อมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหากร่างกายมีสุขภาพไม่ดีร่างกายมีปัญหา ก็ควรใส่ใจต่อสุขภาพ
การดูแลสุขภาพโดยการไม่ทำลายสุขภาพของตนเองโดยการดื่มเหล้าเป็นอาจิณติดบุหรี่งอมแงม
จงดูแลสุขภาพโดยการหาอากาศดี ๆ หายใจ ห่างไกลจากควันไฟ ควันบุหรี่ ฝุ่น
จงกินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน แล้วเลือกอาหารดี ๆต่อสุขภาพมารับประทาน และจงกินแต่พอดี ๆ
ออกกำลังกายวันละเล็กละน้อย สม่ำเสมอ เป็นยาอายุวัฒนะหาวิธีการเดินบ้าง แทนการใช้รถ การขึ้นบันไดแทนการขึ้นลิฟท์
นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
หาหนังสือมาอ่าน หรือกินนมอุ่น ๆ ก่อนนอน จำให้หลับสบายเพื่อหลีกเลี่ยงการกินยานอนหลับ
ทำงานด้วยใจรัก และเป็นสุข ในขณะทำงานจะเหมือนเป็นการพักผ่อนหย่อนใจไปด้วย
แบ่งเวลามาทำงานอดิเรกบ้าง ทำในสิ่งที่ชอบและมีความสุขขณะทำ
พบเพื่อนฝูงที่ถูกใจ สนุกสนานเป็นกันเองในขณะคุยต่อชีวิตเพื่อเป็นแนวทางสร้างสุข
ศึกษาธรรมมะและปรัชญาอะไรก็ได้ ที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตเพื่อเป็นแนวทางสร้างสุข
ทำใจให้มีจิตใจเบิกบาน สร้างความกลมกลืนวิถีชีวิต ไม่ตึงเครียดเหมือนเครื่องจักรที่ได้รับการหล่อลื่นอย่างดี

2.พูดแบบไหนถูกใจคน
 ใช้หนังสือเป็นคู่มือ ใช้พจนานุกรมเพื่อให้รู้ความหมาย แล้วใช้ภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง
พกสมุดโน๊ตติดตัว พบคำใหม่ หรือสำนวนใหม่ที่พบแล้วหาเวลาว่าง ๆ มาอ่าน แล้วนำไปใช้ในการสนทนา
จัดเรียงรูปประโยคที่พูดออกมาให้สละสลวย

3.เพิ่มพลังให้การรวบรวมความคิด
การรวบรวมกำลังความคิด จะทำให้อยู่เหนือสถานการณ์สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้โดยง่าย หากกำลังนั่งใจลอย ก็เรียกสติกลับมาห้ามเบื่อหน่ายในสิ่งที่กำลังทำ เวลาทำงานก็มีหยุดพักกลางวันบ้างเพื่อไม่ให้เกิดความล้า

จงกระตุ้นตนเองโดยให้มองถึงจุดหมายในชีวิตจะได้มีพลังห้ามอ้างว่าไม่มีเวลาผลัดกันประกันพรุ่งห้ามคิดว่าผมทำไม่ได้ จงกำหนดเวลาแล้วเสร็จ ไม่ปล่อยไปอย่างเอ้อระเหย ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่คุณไม่พอใจหรือมีผลต่อชีวิตเพียงใด ก็จะไม่ท้อถอยหรือยอมแพ้ จงเชื่อว่าทุกอย่างแก้ไขได้

4. พัฒนาความจำของตนเอง
จงจำให้ได้ เพื่อให้หลุดพ้นต่อความตื่นเต้น ความกระวนกระวายจนขาดความมั่นใจในตัวเอง จงอย่าให้สมองจำสิ่งที่ไม่ควรจำ จนเป็นความจำที่เลวร้ายจงพยายามจดจำแค่เรื่องที่ดี ๆ มองโลกในแง่ดี สามารถมีความสุขกันทุกวันที่ผ่านมา
จงเลิกพูดถึงความทรงจำที่เลวร้าย จงหาทางล้างความทรงจำเก่า ๆที่ไม่มีประโยชน์กับตัวเอง เพื่อให้เหลือที่ว่างไว้ใส่ความทรงจำดี ๆ ใหม่ ๆที่ได้เจออาจทำโดยทบทวนสิ่งต่าง ๆที่เกิดขึ้น และนำมาจดจำเป็นพิเศษก่อนจะนอน และหลังตื่นนอนทุกวัน

จงไว้วางใจกับสมองของตนเองว่า สามารถจำได้
จงสนใจที่จะจำชื่อคน หรือทบทวนความจำโดยการพูดดัง ให้ตัวเองได้ยิน ทำบ่อย ๆ ก็จะจำได้สรุปทั้งหมดดีกว่ามองแบบผ่าน ๆ
จงเชื่อมโยงความรู้ใหม่ ๆ ให้ประสานต่อเนื่องกับความรู้เดิมที่มีอยู่ด้วย

5.อารมณ์ที่ดีขึ้น
จงปัดกวาดทำความสะอาดอารมณ์ หากมองโลกในแง่ร้ายทุกอย่างก็เป็นศัตรูหมดเวลาที่ใจท้อแท้ เสียงพูดหน้าตาก็ดูสิ้นหวัง จงหยุดมองโลกในแง่ร้ายหยุดด่าทอตัวเอง จงขับไล่อารมณ์ที่สิ้นหวังออกไป อย่าให้ความรู้สึกในแง่ร้ายเกิดจากความโลภขณะที่ปีนขึ้นยอดผาจงหยุดมองทัศนียภาพรอบข้างเป็นระยะ ๆ ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาเดินไป พอถึงยอดผาก็จะมีคนรอบข้างเข้ามาห้อมล้อมท่ามกลางความโล่งอก

จงมองมิตรภาพให้เพื่อน ๆ รอบตัวโดยที่ไม่จำเป็นต้องไปซื้อหาด้วยเงินทอง จงมอบรอยยิ้มและคำทักทายมอบให้กับคนกวาดถนน บุรุษไปรณีย์ คนทำความสะอาดที่ทำงาน คนเก็บขยะ เพราะวันหนึ่งเราอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากเขาก็ได้

กระจกที่ขุ่นมัวจากคราบสกปรก คงสดใสไม่ได้หากไม่ได้รับการทำความสะอาด จิตใจก็เช่นกัน


https://alittleparfait.com/2013/05/04/1000-times-shake/